เบาหวาน เป็นโรคที่พบในทุกเพศและส่วนใหญ่พบในผู้สูงวัย ซึ่งในปัจจุบันจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้อัตราการพบเบาหวานสูงขึ้นเป็นลำดับ
เบาหวานเกิดจากตับอ่อนผลิตอินซูลินไม่เพียงพอหรือเซลล์ร่างกายไม่ตอบสนองอย่างเหมาะสมต่ออินซูลินที่ผลิตอย่างใดอย่างหนึ่ง น้ำตาลที่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจะถูกนำไปเปลี่ยนเป็นพลังงานโดยการควบคุมของอินซูลิน ในเมื่ออินซูลินมีปัญหา ทำให้ไม่สามารถดึงน้ำตาลไปใช้ได้ จึงมีน้ำตาลตกค้างในกระแสเลือดมาก ไตจึงขับของเสียออกมาทางปัสสาวะ อันเป็นเหตุให้ปัสสาวะหวานนั้นเอง
เบาหวานแบ่งออกเป็น 3 ชนิดซึ่งเกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกัน เราไปทำความรู้จักกับเบาหวานทั้ง 3 ชนิดนี้รวมถึงการดูแลตัวเองเมื่อพบว่าเป็นเบาหวานแล้วกันเลยคะ
เบาหวานแบ่งได้เป็น 3 ชนิดหลัก คือ
เบาหวานชนิด 1 (Diabetes mellitus type 1) พบประมาณ 5% ของเบาหวานทั้งหมด พบมากในเด็กและวัยรุ่น(Juvenile diabetes mellitus) เกิดจากตับอ่อนสร้างฮอร์โมนอินซูลินได้น้อยผิดปกติ หรือสร้างไม่ได้เลย ผู้ป่วยจึงต้องได้รับการรักษาด้วยการฉีดยาอินซูลินตลอดชีวิต
เบาหวานชนิด 2 (Diabetes mellitus type 2) มักพบในผู้ใหญ่ (Adult onset diabetes mellitus) อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะในคนอ้วน เป็นเบาหวานที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งอินซูลิน และเป็นชนิดที่พบได้สูงที่สุดประมาณ 90 – 95% ของโรคเบาหวานทั้งหมด
เบาหวานในหญิงตั้งครรภ์ (Ges tational diabetes mellitus) พบได้ประมาณ 2 – 5% ของเบาหวานทั้งหมด เกิดกับหญิงมีครรภ์ซึ่งไม่เคยมีประวัติเบาหวานมาก่อนมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง
อาการของเบาหวานหลักๆ คือ น้ำหนักลด หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อยและปริมาณมาก มีอาการชาเท้าหรือเจ็บแปลบที่ปลายเท้า เมื่อเกิดแผนที่ร่างกายมักหายช้าโดยเฉพาะแผลบริเวณเท้า อาจจะเกิดอาการสายตาพร่ามัว ปวดศรีษะ อ่อนเพลีย คันผิวหนังร่วมด้วย
ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อตรวจพบว่าเป็นเบาหวาน
– รักษาความสะอาดโดยเฉพาะเท้า ล้างเท้าให้สะอาดหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุให้เกิดแผลที่เท้า
– งดดื่มสุรา และบุหรี่ เพราะบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงหลอดเลือดส่วนปลายตีบ ทำให้เกิดแผลได้ง่ายและหายช้า
– หากพบว่ามีแผลที่เท้าและแผลไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาทันที
ขอบคุณรูปภาพจาก : www.nnplaza.com